1. พิจารณาจากความหอมของใบชาชาผู่เอ่อร์ ที่ เก็บรักษาอย่างไม่ถูกวิธีมักจะเกิดปัญหาด้านเชื้อราในใบชา ผู้ประกอบการที่ขาดจรรยาบรรณหลายรายจึงมีการใช้กลิ่นหอมของชา หรือดอกไม้ชนิดอื่นๆ เข้ามาผสมเพื่อกลบกลิ่นหืน หรือกลิ่นเชื้อราบนใบชาผู่เอ่อร์ ดังนั้น ถ้าขณะเลือกซื้อชาผู่เอ่อร์แล้วพบว่ามีกลิ่นหอมของดอกไม้ หรือมีใบชาชนิดอื่นผสมอยู่ ก็แสดงว่าชาผู่เอ่อร์ที่วางจำหน่ายนี้ไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ใช่ชาผู่เอ่อร์ต้นตำรับที่แท้จริง
2. พิจารณาจากสีของน้ำชา การ ซื้อชาผู่เอ่อร์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอให้ทางร้านทดลองชงชาเพื่อดูสีของน้ำชาที่ เกิดขึ้น โดยปกติแล้วยิ่งเป็นใบชาที่มีอายุนานเท่าไร สีของน้ำชาก็จะมีความเข้มมากขึ้นเท่านั้น แต่จะไม่เข้มจนมีสีเหมือนสีดำทึบ ในบางครั้งชาผู่เอ่อร์มีที่อายุไม่นานนัก ก็อาจจะมีสีน้ำชาเข้มกว่าปกติได้ การ พิจารณาสีของน้ำชาจึงเป็นวิธีที่ใช้ประกอบการพิจารณาเลือกซื้อชาผู่เอ่อร์ เท่่านั้น จุดสำคัญคือต้องอาศัยการทดลองดื่มดูจึงจะดีที่สุด สำหรับชาผู่เออร์สดจะมีสีเขียวอ่อนคล้ายชาเขียว ส่วนชาผู่เอ่อร์หมักจะมีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเกือบดำ
3. พิจารณาจากรสชาติของน้ำชาหลังการดื่ม ขั้น ตอนนี้ถือเป็นขึ้นตอนสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อชาผู่เอ่อร์ เมื่อดื่่มชาผู่เอ่อร์ที่มีคุณภาพจะไม่มีกลิ่นเหม็นหืน หรือกลิ่นของเชื้อชา ชา ผู่เอ่อร์ที่ดีจะมีรสชาติขมและฝาดเล็กน้อย อีกทั้งยังมีกลิ่มหอมอ่อนๆ ของใบชาด้วย ยิ่งเป็นใบชาที่มีอายุยาวนาน กลิ่นของใบชาก็จะยิ่งมีความหอมและความชุ่มคอจะมากยิ่งขึ้น
4.สังเกตดูว่า น้ำชาที่ชงมาแล้วมีความสะอาด ใส มากแค่ไหน ถ้าสะอาด ใสเป็นการบ่งบอกว่าความมาตราฐานของโรงงาน และ ขบวนการผลิตดี
5. ชาผู่เอ่อร์ ไม่ได้ดูว่าอายุมากๆแล้วรสชาติจะดีเสมอไป หากต้องดูว่าคุณภาพของใบชาต้องดี และการผลิตต้องถูกต้องและสะอาดด้วย
6.หากท่านเป็นนักดื่มชา หากเจอชาผู่เออร์ดีๆก็ต้องรีบสะสมไว้ หากปล่อยไปก็อาจจะไม่ได้ชาที่ดีไว้ดื่มในวันข้างหน้า เพราะว่าชาแต่ละรุ่นผลิตต่างปีหรือต่างร็อดการผลิต รสชาติของชาก็ไม่เหมือนกัน
7.ชาผู่เออร์ที่ได้รับความนิยมคือแผ่นกลม (BEENG CHA) มีน้ำหนัก 357 กรัม ถ้าเรานำมาชงชาดื่มจะชงได้ประมาณ 120 ลิตร (ถ้าใช้กาขนาดประมาณ 200 ml เราจะใส่ใบชาประมาณ 6 กรัม ใบชาผู่เออร์จะชงได้10-12 น้ำ ต่อครั้งรวมแล้วได้ 2 ลิตร) ฉะนั้นหาก เราซื้อชามาหนึ่งแผ่นราคา 1200 บาท ถ้าคำนวนเป็นลิตรก็ตกแค่ลิตรละ 10 บาทเท่านั้นเอง